ภาวะหมดไฟในการทำงานคืออะไร
การทำงานไม่ได้มีความสุขอย่างที่เคยเป็นใช่ไหม คุณไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก และถึงแม้ว่าคุณจะทำ แต่ก็พบว่าคุณไม่สามารถทำได้อย่างเต็มความสามารถใช่หรือไม่ รู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาและรู้สึกโดดเดี่ยวบ้างไหม หากใช่ มีโอกาสสูงที่คุณกำลังประสบกับภาวะหมดไฟในการทำงาน
การทำความเข้าใจความหมายของภาวะหมดไฟในการทำงาน วิธีระบุอาการ และวิธีการแก้ไขปัญหานี้เป็นเรื่องสำคัญในสถานที่ทำงาน และแน่นอนว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพจิตของคุณเช่นกัน ภาวะหมดไฟในการทำงานอาจยังไม่ถือว่าเป็นเกณฑ์วินิจฉัยความผิดปกติทางบุคลิกภาพใน DSM-5 อย่างเป็นทางการ (ในปัจจุบัน) ถึงอย่างนั้น คำนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดยอดฮิตแต่อย่างใด เพราะภาวะหมดไฟในการทำงานนั้นคือเรื่องจริง ทุกคนที่เคยประสบกับภาวะนี้สามารถบอกคุณได้ว่าภาวะนี้เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจริงซึ่งมีสาเหตุและผลกระทบที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สามารถเกิดได้กับทุกคน
ภาวะหมดไฟในการทำงานไม่ใช่แค่วิธีพูดตามเทรนด์ที่บอกว่า "เหนื่อย" หรือ "เครียด" แต่กลับมีอะไรที่มากกว่านั้น เพียงแค่ชื่อของภาวะก็เป็นคำอธิบายได้อย่างดี เนื่องจากเมื่อใครก็ตามประสบกับภาวะหมดไฟในการทำงาน บุคคลดังกล่าวก็เปรียบเสมือนเทียนที่สูญเสียเปลวไฟ
ภาวะหมดไฟในการทำงานหมายถึงการสูญเสียแรงจูงใจและแรงผลักดันโดยสิ้นเชิง การมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น และการเห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลง ภาวะดังกล่าวส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตลอดจนส่งผลเสียต่อชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานของคุณ เนื่องจากงานประจำวันกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากและหมดกำลังใจ
คำนี้ใช้เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษปี 1970 โดยนักจิตวิทยา Herbert Freudenberger ซึ่งได้ให้คำจำกัดความของภาวะหมดไฟว่าเป็น "ภาวะของความเหนื่อยล้าทางจิตใจและร่างกายอันมีสาเหตุจากชีวิตการทำงาน" องค์การอนามัยโลกสรุปภาวะหมดไฟว่าเป็น "กลุ่มอาการที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานซึ่งไม่มีการรับมืออย่างสำเร็จ" และ Mayo Clinic อันเลื่องชื่อได้อธิบายภาวะหมดไฟว่าเป็น "ภาวะความเหนื่อยล้าทางร่างกายหรืออารมณ์ ซึ่งยังรวมถึงการที่บุคคลหนึ่งรู้สึกว่าตนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองด้วย"
การแยกภาวะหมดไฟในการทำงานออกจากความรู้สึกอย่างความเครียดเรื้อรังและความอ่อนล้าทางอารมณ์นั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากอาการหนึ่งอาจเกิดร่วมกับอีกอาการหนึ่งได้ และอาการส่วนใหญ่ของภาวะหมดไฟในการทำงานนั้นมักมาพร้อมกับผู้ป่วยที่มีอาการป่วยทางจิต โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาวะหมดไฟในการทำงานแตกต่างจากโรคอื่นๆ คือ โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะนี้มักจะเกี่ยวข้องหรือเกิดจากปัญหาจากการทำงานโดยเฉพาะ แน่นอนว่าภาวะหมดไฟในการทำงานย่อมส่งผลกับชีวิตครอบครัวของคุณ แต่ตามปกตินั้น มักเริ่มเกิดขึ้นจากการทำงาน
แล้วมันดียังไงล่ะ ภาวะหมดไฟในการทำงานไม่ได้เป็นโรคเรื้อรัง สามารถรักษาและป้องกันได้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนอื่นนั้น คุณต้องเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว
สิ่งใดทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน
ภาวะหมดไฟในการทำงานเป็นผลมาจากความเครียด ความอ่อนล้า และความไม่พึงพอใจในการทำงาน
ภาวะหมดไฟในการทำงานจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาและส่งผลอย่างช้าๆ แตกต่างจากความเครียด คุณอาจไม่รู้ว่าภาวะนี้กำลังเกิดขึ้น และเมื่อรู้ตัวอีกที คุณก็มีอาการแล้ว ความหงุดหงิดทั่วไปในการทำงานอาจนำไปสู่ความอ่อนล้าหรือในทางกลับกัน แต่เมื่อภาวะดังกล่าวรวมกับความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะในหมดไฟในการทำงานขึ้น
สาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดภาวะดังกล่าวขึ้นได้นั้นมีอยู่หลายประการเมื่อพูดถึงรูปแบบความเครียดในที่ทำงาน ซึ่งอาจเป็นเพราะคุณรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมงานหรือภาระงาน หรือรู้สึกเหมือนกับว่าคุณเริ่มจู้จี้จุกจิกและไร้เรี่ยวแรงที่จะจัดการงานในแต่ละวันได้ ความรู้สึกเช่นนี้จะนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวัง และความรู้สึกดังกล่าวยังเกิดขึ้นได้หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งที่คาดหวังจากตัวคุณ เจ้านาย หรือหัวหน้างาน หากคุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับความรับผิดชอบของคุณเลย หรือรู้สึกราวกับว่าไม่สามารถมีส่วนร่วมหรือควบคุมชีวิตการทำงานได้ คุณอาจประสบกับภาวะหมดไฟในการทำงานเข้าแล้ว
ภาวะหมดไฟในการทำงานอาจเป็นเรื่องปกติของตัวงานเองได้เช่นกัน หลายคนชอบงานที่เรียบๆ ง่ายๆ ขณะที่อีกหลายๆ คนมองหาความหลากหลาย หากคุณค้นพบว่างานที่ทำไม่ตรงกับความคาดหวังที่คุณต้องการหรือคิดไว้ ความพึงพอใจของคุณก็อาจลดลงอย่างรวดเร็ว อาจเป็นไปได้ที่คุณพบว่างานของคุณน่าเบื่อ จำเจ หรือไม่น่าพอใจ หรือในทางกลับกันที่งานอาจมีความสับสนหรือวุ่นวายจนเกินไป
การแจ้งเตือนที่มีไม่หยุดหย่อนอาจทำให้คุณไม่มีสมาธิเพราะดูเหมือนว่าคำขอใหม่ๆ จะเข้ามาจากทุกทาง คุณอาจต้องทุ่มเทเวลามากมายให้กับงานทั่วๆ ไปที่คอยแยกคุณออกห่างจากหน้าที่จริงๆ ของคุณ หลายคนพบว่าตนเองใช้เวลาไปอย่างมากกับงานง่ายๆ ในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้การทำงานสำคัญๆ ให้เสร็จภายในเวลานั้นเป็นเรื่องยาก การทำงานหนักเกินไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงนั้นจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงได้อย่างรวดเร็ว
โดยปกติแล้ว แม้ว่าคุณจะสนุกกับงาน แต่หากเกิดความไม่สมดุลระหว่างการใช้ชีวิตกับการทำงานขึ้น คุณก็มีแนวโน้มสูงที่จะสูญเสียพลังไปกับงาน การใช้เวลากับคนที่คุณรักและตัวคุณเองเป็นสิ่งสำคัญเสมอ และอย่าปล่อยให้งานมาครอบงำตัวคุณ
อีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้ของภาวะหมดไฟในการทำงานคือ หากคุณพบว่างานที่ทำนั้นง่ายหรือจำเจจนเกินไป หากไม่รู้สึกท้าทายในการทำงาน คุณจะพบว่าตัวเองเริ่มรู้สึกเบื่อหรือหงุดหงิด และความเบื่อหน่ายก็อาจทำให้ตัวคุณเองรู้สึกอ่อนล้าหมดแรง
ความเสี่ยงของภาวะหมดไฟในการทำงานยิ่งเกิดขึ้นได้ง่ายหากคุณมีอาการป่วยทางจิตอยู่แล้ว เช่น โรคซึมเศร้าและความวิตกกังวล ภาวะดังกล่าวจะทำให้ความรู้สึกด้านลบที่คุณประสบอยู่ทั้งจากที่ทำงานและที่บ้านเพิ่มมากขึ้น
หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ภาวะหมดไฟในการทำงานอาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น ดังนั้น การดำเนินการแก้ไขทันทีเมื่อคุณคิดว่าคุณหรือคนรู้จักกำลังประสบปัญหานี้อยู่จึงเป็นสิ่งสำคัญ
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฉันหมดไฟในการทำงาน
หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติและอารมณ์ของคุณแย่ลง อาการเหล่านี้อาจเป็นเพราะภาวะหมดไฟในการทำงาน ในแง่ของอาการทางกายนั้น คุณอาจรู้สึกขาดความกระตือรือร้นและอ่อนแอ เช่น คุณไร้เรี่ยวแรงในการทำทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง ภูมิต้านทานก็แย่ลงเช่นกัน ดังนั้น หากพบว่าคุณป่วยบ่อยขึ้น คุณอาจหมดไฟในการทำงานก็เป็นได้ คุณอาจสังเกตเห็นว่าความอยากอาหารหรือรูปแบบการนอนหลับเปลี่ยนไป รวมถึงมีอาการปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อก็อาจเป็นอาการของภาวะหมดไฟในการทำงานเช่นเดียวกัน
ในด้านจิตใจ คุณอาจพบว่าตัวคุณเองจมอยู่กับความคิดในแง่ร้าย คุณอาจรู้สึกไร้ประโยชน์และสิ้นหวัง และอาจรู้สึกแปลกแยกจากโลกรอบตัวคุณ การสูญเสียแรงจูงใจนั้นเป็นอาการที่เด่นชัดของภาวะหมดไฟในการทำงาน
คุณจะสังเกตเห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน เช่น การหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก การหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือการค้นพบตัวเองว่ากลายเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง คุณอาจพบว่าภาวะหมดไฟในการทำงานไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความเศร้าหรือความสิ้นหวังเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณโกรธและหงุดหงิดอีกด้วย และคุณก็อาจพบว่าตัวเองจัดการกับความหงุดหงิดนี้ในทางลบ หรืออาจเป็นไปได้ว่าคุณรู้สึกไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก และเฉยเมยต่อทั้งการทำงานและการมีส่วนร่วมในสังคมโดยสิ้นเชิง
อาการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาการร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพและสุขภาวะโดยรวมของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อทีม และแน่นอนว่าไม่ดีต่อคุณด้วยเช่นกัน แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะภาวะหมดไฟในการทำงานสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ฉันจะสังเกตเห็นอาการหมดไฟในการทำงานได้อย่างไร
คุณอาจไม่สามารถรับรู้อาการภายในของภาวะหมดไฟในการทำงานของเพื่อนร่วมงานได้ในทันที แต่หากคุณสังเกตเห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ภาวะหมดในการทำงานอาจเป็นสาเหตุให้เกิดพฤติกรรมนั้นขึ้นได้ และหากคนที่คุณเป็นห่วงนั้นคือสมาชิกในทีม ให้คุณคอยสังเกตว่าบุคคลเหล่านั้นอู้งาน มาสาย หรือโดดงานพร้อมกันหรือไม่
คุณภาพหรือประสิทธิภาพในการทำงานที่ต่ำกว่าเพื่อนร่วมงานอาจหมายถึงบุคคลเหล่านั้นหมดไฟในการทำงานก็ได้ หากสมาชิกในทีมมีอาการโกรธง่ายและทำตัวห่างเหิน อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะสูญเสียแรงผลักดันไป ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาหมดไฟในการทำงานได้เช่นกัน หากมีโอกาสที่สมาชิกในทีมจะถูกครอบงำด้วยภาระงาน และคุณก็สังเกตเห็นได้ถึงทัศนคติล่าสุดที่เปลี่ยนแปลงไป ในกรณีนี้เป็นภาวะหมดไฟในการทำงานอย่างแน่นอน
ฉันจะรักษาภาวะหมดไฟในการทำงานได้อย่างไร
เนื่องจากอาการของภาวะหมดไฟมีความใกล้เคียงกับอาการซึมเศร้า จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องทราบอย่างชัดเจนว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ และควรปรึกษาแพทย์ การวินิจฉัยตนเองมักเป็นสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง แต่ไม่ควรเป็นครั้งสุดท้าย
แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน วิธีการรักษาอาการหมดไฟและภาวะซึมเศร้าก็แตกต่างกันมาก หากคุณกลัวว่าคุณอาจเป็นโรคใดโรคหนึ่ง สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้คือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ซึ่งสามารถใช้การประเมิน เช่น Maslach Burnout Inventory เพื่อช่วยระบุได้อย่างเฉพาะเจาะจงว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ และวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะสิ่งนั้น
การเปิดเผยความรู้สึกต่อหัวหน้างานของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง วิธีเดียวที่จะได้รับความช่วยเหลือที่คุณต้องการจากคนรอบข้างคือ เมื่อทุกคนรับรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการ อย่ากลัวที่จะยกมือเพื่อบอกให้ทุกคนรับรู้ถึงความพยายามของคุณ เพราะเมื่อหมดวันแล้ว การกระทำเช่นนั้นไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แต่ยังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีมและบริษัทด้วยเช่นกัน
หากภาวะหมดไฟในการทำงานส่งผลต่อคุณภาพในการทำงาน บริษัทกลับเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดหากช่วยให้คุณเอาชนะภาวะดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงไม่ควรคิดว่าการบอกหัวหน้างานเรื่องคุณกำลังหมดไฟในการทำงานนั้นเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้หรือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเพียงปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อจัดการสุขภาวะของคุณและเป้าหมายบริษัทได้อย่างลงตัว
ไม่ว่าจะทำงานหนักเกินไป ทำงานน้อยเกินไป หรือเพียงแค่ไม่พอใจโดยทั่วไปกับสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน ภาวะหมดไฟสามารถแก้ไขได้โดยหารือเรื่องดังกล่าวกับผู้จัดการหรือหัวหน้างานของคุณ การทำเช่นนั้นอาจดูน่าเขินอายหรือท้าทาย แต่เจ้านายที่ดีและบริษัทที่มั่นคงจะเปิดใจและเต็มใจและสามารถช่วยเหลือคุณในปัญหาเหล่านี้ได้
ที่ทำงานควรเป็นที่ที่คุณรู้สึกสบายใจ ได้รับการสนับสนุน และมีคุณค่า หากไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในออฟฟิศของคุณ คุณควรแสดงออกและบอกให้รับรู้ถึงความกังวลของคุณ
เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องจัดการพลังงานและเวลาของคุณ และนั่นหมายถึงคุณต้องกินอิ่ม ดื่มน้ำเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับอย่างเพียงพอ การปรับพฤติกรรมของคุณเพื่อให้สามารถทำทุกสิ่งเหล่านี้ได้ครบนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องทำเพื่อแก้ไขให้ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ
หากคุณคิดว่าสมาชิกในทีมกำลังเผชิญกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ก็อย่ากลัวที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ พูดคุยกับสมาชิกในทีมว่าพวกเขามีปัญหาอะไร ทำไมถึงมีปัญหานั้น และคิดว่าต้องทำอะไรเพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ ในหลายๆ กรณีนั้น อาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อพักผ่อนและพักฟื้นให้กลับสู่สภาพปกติ ในขณะที่บางกรณีนั้น คุณจะต้องทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมเกิดความสบายใจและพอใจในตำแหน่งของตน หากไม่เปิดโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อให้ทีมของคุณมีความสุขแล้วล่ะก็ จะมีแต่ก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในภายหลัง
วิธีแก้อาการหมดไฟ
หากความคิดในการทำงานทำให้คุณกังวลและไม่สบายใจอย่างมาก นั่นอาจเป็นเพราะว่าคุณกำลังเผชิญอยู่กับภาวะหมดไฟในการทำงาน
สาเหตุที่พบบ่อยมากของภาวะหมดไฟในการทำงานคือ งานนั้นวุ่นวายและไม่เป็นระเบียบจนเกินไป หรือการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในที่ทำงานทำให้ยากที่จะมีสมาธิจดจ่อได้ วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานวิธีหนึ่งนั้นคือ การทำให้แน่ใจว่าระบบและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดที่คุณมีช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบได้มากที่สุดสำหรับตัวคุณและทีมของคุณเอง
ความไม่เป็นระเบียบภายในทีมหรือบริษัทอาจนำไปสู่ความสับสนและยากที่จะควบคุมภายในจิตใจของคุณ แต่ละบริษัทย่อมมีหลายภาคส่วน และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น พื้นที่การทำงานทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นระบบและมีระเบียบอาจช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถจัดการได้มากขึ้น การจำกัดเสียงรบกวนของพื้นที่ดิจิทัลอาจเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้แน่ใจว่าคุณมีพลังงานที่ต้องทุ่มเทให้กับงานที่สำคัญ
การใช้ Dropbox เป็นวิธีการแบบครบวงจรที่ช่วยให้คุณควบคุมสิ่งต่างๆ เพื่อลดความเครียดหรือความยุ่งเหยิงที่เกิดจากการทำงานผ่านเครื่องมือสำหรับการจัดระเบียบ ระบบซิงค์ไฟล์ที่ใช้งานง่าย และโซลูชันบริการพื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์ที่มีประโยชน์ พื้นที่ทำงานอัจฉริยะจะช่วยให้คุณค้นหาแอป แพลตฟอร์ม และเนื้อหาต่างๆ ได้ในที่เดียว ทำให้การติดตามงานของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
ในฐานะผู้จัดการ คุณควรแน่ใจว่าสมาชิกในทีมของคุณรู้สึกมั่นใจและสบายใจที่จะแสดงความกังวลใดๆ ที่มีเกี่ยวกับบทบาทและทีมโดยทั่วไป หลายๆ คนอาจยอมให้ตนเองประสบกับภาวะหมดไฟในการทำงานเพราะการเพิกเฉยต่อปัญหาดูเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะต้องเผชิญหน้ากับภาวะดังกล่าว ผู้จัดการควรตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่พนักงานสามารถเปิดใจและซื่อสัตย์ได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือถูกคุกคาม การเปิดพูดคุยระหว่างคุณกับทีมจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และทีมที่มีความสุขมากขึ้นจะรู้สึกว่ามีคนคอยรับฟัง รวมถึงวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลของตนก็ได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน
การป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานสำหรับตัวคุณเองหมายถึงการจัดการเวลาของคุณได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พื้นฐานที่สุด แต่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพ อย่างเช่น การแน่ใจว่าคุณนอนหลับเพียงพอและใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีอยู่เสมอ รวมถึงยังเปิดใจและซื่อสัตย์เกี่ยวกับข้อกังวลใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการทำงาน โปรดจำไว้เสมอว่าการดูแลตนเองเป็นพื้นฐานของความสำเร็จของคุณและทีม
หากคุณรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆ กำลังเริ่มแย่ลง ให้เปลี่ยนวิธี แต่อย่าหยุดในทันที หากคุณปล่อยให้ตัวเองเฉื่อยชาลงมากเกินไป สิ่งนี้อาจทำให้เลวร้ายลงได้ ดังนั้นหากคุณคิดว่ากำลังจะเจอกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ให้รีบรับมือและระมัดระวัง แต่อย่าทำลายแรงผลักดันที่คุณมีอยู่ในทันที การหยุดพักอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำได้เสมอ และคุณควรพูดคุยกับผู้จัดการหรือหัวหน้างานเกี่ยวกับปัญหาก่อนและดูว่าควรปรับเปลี่ยนทันทีเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานและสุขภาพจิตของคุณให้ดีขึ้นหรือไม่
คุณอาจเป็นเทียนที่เสียเปลวไฟไปชั่วคราว แต่หากคุณตระหนักถึงปัญหาและเต็มใจที่จะเปล่งเสียงให้ทุกคนรู้และแก้ไขปัญหา ไม่นานคุณก็จะกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง