ในชีวิตสมัยใหม่ เราถูกรายล้อมไปด้วยภาพต่างๆ การโทรถูกสลับให้ใช้ FaceTime และ Zoom โซเชียลมีเดียผ่านพ้นยุคที่โพสต์แต่ข้อความไปนานแล้ว แม้แต่การตลาดเองก็พึ่งพารูปภาพ วิดีโอ และภาพประกอบมากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม
นอกจากนี้ องค์ประกอบแบบภาพเหล่านี้ยังถูกนำมาใช้ในกลยุทธ์การสื่อสารด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงาน เทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ และวิธีการสำหรับการการแชร์ข้อมูลแบบไม่พร้อมกันใช้ประโยชน์จากพลังของการสื่อสารด้วยภาพเพื่อช่วยให้ทีมงานทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิผลมากขึ้น
ในบทความนี้ เราจะอธิบายวิธีที่คุณจะสามารถใช้การสื่อสารด้วยภาพเพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกันในทีมและเพิ่มความคล่องตัวของเวิร์กโฟลว์ได้ ก่อนอื่น เรามาดูประเภทต่างๆ ของการสื่อสารด้วยภาพกันก่อน และเหตุใดข้อมูลภาพจึงมีความสำคัญ

การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นคืออะไร
หากพูดง่ายๆ การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นคือกระบวนการถ่ายทอดความหมาย ไม่ว่าจะเป็นไอเดีย คำแนะนำ ข้อมูล หรือสารสนเทศประเภทอื่นๆ ผ่านกราฟิก แทนที่จะเป็นข้อความหรือเสียง สำหรับหลายๆ คน นี่เป็นวิธีการแบ่งปันความรู้และเพิ่มบริบทที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายกว่าการสื่อสารด้วยตัวอักษร
การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตัวอย่างการสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็น ได้แก่
- วิดีโอและรูปภาพ
- กราฟ แผนภูมิ อินโฟกราฟิก และการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพประเภทอื่นๆ
- การพิมพ์อักษร
- แผนผัง (เช่น แผนผังความคิดและแผนผังเนื้อหา)
- ภาพประกอบและการออกแบบกราฟิก
- ชุดสไลด์และงานนำเสนอ
- GIF
เนื้อหาแบบมองเห็นได้ประเภทเหล่านี้มักจะมีการนำไปใช้ในโซเชียลมีเดียและการตลาดเนื้อหา โดยใช้เพื่อสื่อสารไอเดียและข้อมูลในแบบที่การสื่อสารที่ใช้ข้อความจำนวนมากไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้
เหตุใดการสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นจึงมีความสำคัญ
จากการวิจัยพบว่า65% ของผู้คนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยภาพ และชอบเนื้อหาภาพเพื่อเรียนรู้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งหมายความว่าการสื่อสารด้วยภาพไม่ได้มีความสำคัญแค่ในสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมอีกด้วย
การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพช่วยให้คุณสามารถถ่ายทอดข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าข้อความธรรมดา กลยุทธ์การสื่อสารด้วยภาพควรเป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมทางธุรกิจของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตลาดเนื้อหาของคุณ
องค์ประกอบที่มองเห็นได้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการสร้างเนื้อหา ในบางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram และ TikTok เนื้อหาแบบข้อความไม่ได้สร้างผลลัพธ์ได้เหมือนกับรูปภาพและวิดีโอ
จากการวิจัยพบว่า โดยรวมแล้วช่วงเวลาการมีสมาธิจดจ่อของเรากำลังสั้นลงเรื่อยๆ และการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้มีสิ่งรบกวนสมาธิอยู่มากมาย การสื่อสารด้วยภาพจะช่วยให้คุณสามารถตัดสิ่งรบกวนออกไปและถ่ายทอดข้อความของคุณผ่านเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและจดจำได้ง่าย
โดยที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นมีความสำคัญ เพราะการสื่อสารรูปแบบนี้ยังมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
- ดึงดูดความสนใจและส่งเสริมการมีส่วนร่วม
- กระตุ้นอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
- ปรับปรุงการจดจำข้อมูลให้ดีขึ้น
- ประหยัดเวลา เนื่องจากมีการถ่ายทอดข้อมูลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยให้มีการสัมผัสประสบการณ์ร่วมกันและสารอันเป็นหนึ่งเดียว
วิธีที่การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นสามารถปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ของคุณได้
การรวมตัวทีมที่ทำงานจากระยะไกลอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และบ่อยครั้งดูเหมือนว่าการจัดประชุมสั้นๆ ผ่านการสนทนาทางวิดีโอเพื่อระดมไอเดียหรือปรึกษากันเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ต่างๆ จะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า แต่พนักงานที่ทำงานออนไลน์เป็นหลักจะบอกคุณว่า ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งการประชุมทางวิดีโออาจเป็นการเสียเวลามากกว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเสียอีก
ด้วยกลยุทธ์การสื่อสารด้วยภาพที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถลดการประชุมที่ไม่จำเป็นลงได้ การใช้องค์ประกอบภาพและทัศนูปกรณ์จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น คำแนะนำในการใช้เครื่องมือบางอย่าง หรือข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ใหม่ในรูปแบบที่ตรงประเด็น น่าสนใจ และเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ของคุณและทำให้กระบวนการตัดสินใจง่ายขึ้น
เนื่องจากการสื่อสารด้วยภาพมีหลากหลายประเภท คุณจึงสามารถแชร์ข้อมูลและทำงานร่วมกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงานได้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ คุณจะไม่จำเป็นต้องใช้เพียงแค่แผนภูมิวงกลมและงานนำเสนอในการสร้างและแชร์ข้อความภาพอีกต่อไป
อันที่จริงแล้ว การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นสามารถเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณได้ในทุกรูปแบบดังตัวอย่างต่อไปนี้
- ทำให้กระบวนการต้อนรับพนักงานใหม่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการบันทึกวิดีโอพร้อมคำบรรยายของกระบวนการทั่วไป
- จับภาพหน้าจอของไอเดียและแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจเพื่อแบ่งปันกับทีมของคุณ หรือวางไว้ในเอกสาร Dropbox Paper ที่แชร์กันเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเมื่อถึงเวลาใช้งาน
- จัดการประชุมแบบไม่พร้อมกันเพื่อให้เวิร์กโฟลว์เป็นไปตามแผนและหลีกเลี่ยงการเสียเวลาเข้าประชุมที่ไม่จำเป็นหรือไม่ตรงประเด็น
- ให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือเช่น Dropbox Replay เนื่องจากคุณสามารถระบุจุดที่ต้องปรับปรุงเฉพาะเจาะจงในวิดีโอได้โดยใช้มาร์กอัปบนหน้าจอ

เคล็ดลับสำหรับการนำวิธีสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นไปใช้ในที่ทำงาน
กลยุทธ์การสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็นที่ดีที่สุดสำหรับทีมของคุณจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยแตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงขนาดและเป้าหมายของทีมด้วย โดยคุณสามารถลงมือทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายเพื่อส่งเสริมกระบวนการนี้และใช้ประโยชน์สูงสุดจากการสื่อสารด้วยสื่อการมองเห็น
ความสอดคล้องคือหัวใจสำคัญ
ประการแรก คุณจะต้องมีความสอดคล้องในการกำหนดสไตล์และการสร้างแบรนด์ให้เนื้อหาที่เป็นภาพของคุณ เช่น สื่อทางการตลาด ไม่ใช่เฉพาะกับทรัพยากรภายนอกเท่านั้น ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพื่อให้ทุกสิ่งที่คุณสร้างขึ้นบรรลุผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ สร้างแม่แบบ วิดีโอแนะนำ และแนวทางของแบรนด์ และดำเนินการให้แน่ใจว่าทุกคนในทีมทราบว่ามีการจัดเก็บไว้ที่ไหนและใช้งานอย่างไรเมื่อต้องสร้างองค์ประกอบภาพ
อย่าลืมสิ่งที่จะเล่า
นอกจากนี้ คุณจะต้องพิจารณาถึงกลยุทธ์การเล่าเรื่องของคุณ และวิธีการทอเรื่องราวเข้ากับสื่อภาพที่คุณสร้างขึ้น สำหรับการสื่อสารทั้งภายในและภายนอก สิ่งสำคัญคือการรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณ การสร้างกลุ่มเป้าหมายในเครื่องมือการทำงานร่วมกัน เช่น Dropbox Paper อาจเป็นประโยชน์ในการเป็นแนวทางสำหรับกลยุทธ์การสร้างเนื้อหาที่ส่งถึงลูกค้า
ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการใช้งานและการเข้าถึง
การริเริ่มนำซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนเกินไปมาใช้อาจทำให้สมาชิกในทีมของคุณท้อใจที่จะใช้การสื่อสารแบบภาพในการทำงานแต่ละวัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งรวมถึงวิธีที่คุณใช้จัดระเบียบเนื้อหาแบบภาพของคุณด้วย
คุณสามารถสร้างโฟลเดอร์ทีมที่สามารถแชร์ได้สำหรับแม่แบบ วิดีโอการฝึกอบรม บันทึกการประชุม และการสื่อสารอื่นๆ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยในที่เดียว ทุกคนในทีมของคุณก็จะสามารถเข้าถึงสื่อภาพที่ต้องการได้เมื่อต้องการ
ทำให้งานและโปรเจ็กต์ของคุณมีชีวิตชีวาด้วย Dropbox
สถานที่ทำงานที่มีการทำงานร่วมกันและมีประสิทธิผลไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากข้อความจำนวนมากที่ไม่มีวันจบสิ้นหรือเอกสารจำนวนมาก ประกอบด้วยผู้คนที่ทำงานร่วมกัน การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานร่วมกันอย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทำงานสำเร็จ
การใช้ Dropbox เป็นหลักจะช่วยให้ทีมของคุณใช้ประโยชน์จากพลังของการเล่าเรื่องด้วยภาพเพื่อแบ่งปันไอเดีย เพิ่มหมายเหตุประกอบในไฟล์เพื่อใช้ประกอบข้อเสนอแนะ และทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ เครื่องมืออย่าง Dropbox Paper และ Dropbox Replay เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้ Dropbox ทำสิ่งที่ว่านี้ได้
เริ่มต้นใช้งาน Dropbox วันนี้เพื่อเริ่มสัมผัสถึงประโยชน์สำหรับทีมของคุณ งานของคุณ และธุรกิจของคุณ