การทำงานวิดีโอร่วมกันอาจเป็นเรื่องยาก เพราะสมาชิกในทีมมักอยู่ในเขตเวลาต่างกัน ต้องส่งไฟล์ขนาดใหญ่กันไปมา เวลาแสดงความคิดเห็นก็ไม่ตรงกัน และแก้ไขงานเดียวกันแต่คนละเวอร์ชัน
ด้วยเครื่องมือการทำงานร่วมกันอย่าง Dropbox Replay ซึ่งเป็นที่โปรดปรานในหมู่ผู้สร้างภาพยนตร์ที่เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ Sundance ปี 2023 การจัดการความวุ่นวายจึงง่ายดายยิ่งกว่าที่เคย
ต่อไปนี้เป็นวิธีบางส่วนที่ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอร่วมกันสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณและทำให้คุณได้ไฟล์ตัดต่อขั้นสุดท้ายที่เรียบร้อยสมบูรณ์มาอย่างรวดเร็วขึ้นได้

ก่อนอื่น การตัดต่อวิดีโอร่วมกันคืออะไร
การตัดต่อวิดีโอร่วมกันคือการที่คนกลุ่มหนึ่ง อย่างเช่นนักตัดต่อวิดีโอ ผู้จัดการโปรเจ็กต์ ผู้ตรวจสอบ และบทบาทอื่นๆ มาทำงานร่วมกันโดยใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อแบบพิเศษเฉพาะเพื่อสร้างไฟล์วิดีโอที่เสร็จสมบูรณ์ ในอดีต นี่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งต้องมีการอัปโหลด ดาวน์โหลด และจัดการไฟล์เวอร์ชันต่างๆ จำนวนมาก
แต่ขอบคุณพระเจ้า ยุคของการส่งไดรฟ์พกพา USB, ซีดี และเทปวิดีโอไปทั่วนั้นได้จบลงเสียที เป็นเพราะระบบบนคลาวด์และผลิตภัณฑ์อย่าง Dropbox Replay การแก้ไขร่วมกันจึงง่ายกว่าที่เคยเป็นมาก Replay เป็นเครื่องมือตรวจสอบและอนุมัติวิดีโอที่ช่วยให้คุณสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงจุดว่าส่วนใดของวิดีโอที่คุณต้องการปรับแต่ง ตอนนี้แม้แต่ทีมที่กระจายอยู่ในเขตเวลาต่างๆ ก็สามารถทำงานร่วมกันจากระยะไกลและสนุกกับการทำงานที่ราบรื่นได้
วิธีป้องกันเรื่องชวนปวดหัวจากการตัดต่อวิดีโอ
1. แสดงความคิดเห็นให้ตรงตามเฟรมด้วย Replay
อย่างที่ Jake Van Wagoner ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง Aliens Abducted My Parents and Now I Feel Kinda Left Out จากยูทาห์ได้บอกกับบล็อก “Work in Progress” ของเราว่า เขาและนักตัดต่อที่อยู่ในลอสแอนเจลิสชอบตรงที่ Replay สามารถให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดต่อได้อย่างตรงจุด “ภาพยนตร์จะเล่นไปในขณะที่เราดูอยู่ด้วยกัน และเราก็สามารถหยุดชั่วคราว พิมพ์โน้ตใส่ไว้ แล้วเธอก็จะรู้ได้ทันทีว่าเราอยู่ตรงจุดไหนและกำลังพูดถึงอะไรอยู่”
และเมื่อคุณรวบรวมข้อคิดเห็นแล้ว Replay จะผสานรวมกับเครื่องมือตัดต่อวิดีโอยอดนิยม เช่น Adobe Premiere Pro, DaVinci Resolve และ Final Cut Pro คุณจึงสามารถดู ดำเนินการ และแก้ไขความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวิดีโอของคุณได้จากโปรแกรมแก้ไขของคุณ
2. ตรวจทานไฟล์ตัดต่อจากโทรศัพท์ของคุณ
ขั้นตอนการตรวจทานเป็นจุดที่ทำให้โปรเจ็กต์วิดีโอจำนวนมากต้องสะดุด ติดอยู่ในวังวนของวงจรข้อคิดเห็นที่ไม่ปะติดปะต่ออันไม่สิ้นสุด นี่คือจุดที่ Replay โดดเด่น อย่างแรกคือ Replay นั้นทำงานผ่านเบราว์เซอร์ คุณจึงไม่ต้องมีซอฟต์แวร์เพิ่มเติม บัญชี Dropbox หรือสิทธิ์การเข้าถึงแบบพิเศษสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ไลฟ์รีวิว ซึ่งเป็นห้องรับชมเสมือนจริงของเราเพื่อจดบันทึกและให้ข้อคิดเห็นแบบเรียลไทม์กันเป็นทีมได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ โน้ตที่ใส่ได้ตรงตามเฟรมและเจาะจงเฉพาะพิกเซลจะทำให้ไม่ต้องคาดเดาว่าข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นหมายถึงอะไร และความคิดเห็นทั้งหมดจะยังคงอยู่ในไฟล์ที่ตัดมา โดยไม่ต้องมีการสนทนาเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานทีละส่วนอีกต่อไป
3. เพิ่มความเร็วในการผลิตด้วย Dropbox Sign
งานเอกสารนั้นเป็นกรรมของการตัดต่อวิดีโอร่วมกัน Jordan Drake โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่อง Power Signal บอกกับเราที่เทศกาลภาพยนตร์ Sundance ว่า “เมื่อคุณตระหนักได้ว่าไม่จำเป็นต้องลงนามเรื่องต่างๆ ในแผ่นเอกสารจริงๆ คุณก็สามารถจัดการเรื่องอื่นๆ ให้ทันกำหนดได้อีกมากมาย” เก็บเอกสารโมเดลรีลีสและสิทธิ์การอนุญาตทั้งหมดของคุณไว้ในที่เดียว และลงนามเอกสารเหล่านั้นอย่างราบรื่นโดยใช้ Dropbox Sign
4. จัดเก็บทุกอย่างไว้ในที่เดียว และเข้าถึงได้จากทุกที่
บริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ของ Dropbox นั้นเป็นบริการในฝันในด้านการจัดเก็บไฟล์ไว้ในที่เดียวอย่างปลอดภัย และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ทุกคนจะทำงานจากไฟล์ชุดเดียวซึ่งจะอัปเดตโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องมีการจัดการเวอร์ชันด้วยการใส่ตัวอักษรย่อและวันที่ต่อท้ายชื่อไฟล์อีกต่อไป
ได้ยินอะไรบ้างไหม นั่นเป็นเสียงของการทำงานวิดีโอร่วมกันที่ง่าย ขึ้น มาก
5. ส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้ง่ายดายขึ้น
น่าหงุดหงิดใช่ไหมที่ทำขั้นตอนต่างๆ เสร็จแล้วแต่ไม่สามารถแชร์วิดีโอของคุณกับทุกคนได้ ปัญหานี้จะหมดไป เพราะ Dropbox มีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง เราสามารถจัดการไฟล์ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง WeTransfer ด้วยขนาด 250 กิกะไบต์* เท่านี้พอไหม คุณจะแชร์ไฟล์ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
คุณจะสามารถส่งไฟล์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยใช้ลิงก์ที่แชร์และเพิ่มการสร้างแบรนด์แบบกำหนดเองในหน้าดาวน์โหลดของคุณได้หากต้องการ นอกจากนี้คุณยังสามารถควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง รหัสผ่าน และชั้นการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมอื่นๆ ที่คุณต้องการได้อย่างสมบูรณ์
Amy Lee ผู้อำนวยการบริษัทผลิตงานสร้างสรรค์ที่ใช้ Replay และบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์เป็นหลักสำหรับงานวิดีโอบอกกับเราว่า
“เมื่อ Dropbox ได้เปิดตัวและผสานรวมคุณสมบัติต่างๆ มากขึ้นกับผลิตภัณฑ์ของตน Dropbox จึงกลายเป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมของเรา”
*มีให้บริการหากใช้แอด-ออน Dropbox Replay

ขั้นตอนการทำงานวิดีโอที่รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้นด้วย Dropbox Replay
Dropbox Replay เป็นเครื่องมือตรวจทานวิดีโอที่คุณนึกไม่ถึงว่าจำเป็นต้องมี เพราะจะช่วยให้คุณสามารถตรวจทานและแสดงความคิดเห็นได้แบบไม่ต้องทำพร้อมกัน ให้คุณมีพื้นที่รวบรวมข้อคิดเห็นในที่เดียวที่นำไปใช้ได้จริง
Replay ทำงานได้อย่างราบรื่นกับผลิตภัณฑ์ Dropbox อื่นๆ อย่างเช่น Transfer และผสานรวมกับเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ทุกคนชื่นชอบ เช่น Adobe Premiere Pro ได้ และเนื่องจากทำงานได้บนเบราว์เซอร์ ทุกคนจึงสามารถเข้าถึงวิดีโอที่คุณแชร์ผ่าน Replay ได้เพียงมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชี Dropbox เลยด้วยซ้ำ