เส้นทางอาชีพแบบเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวได้กลายเป็นที่สนใจมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้คนกำลังประเมินสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาอีกครั้ง ทั้งเรื่องภายในและภายนอกการทำงาน พร้อมทั้งมีการเลือกไลฟ์สไตล์การทำอาชีพแบบใหม่ สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขามีสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานที่ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการเป็นเจ้านายตัวเอง พร้อมทั้งมั่นใจได้ว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จะน้อยที่สุด
หากคุณได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว หรือคุณได้มีความสนใจในแนวคิดของการเป็นเจ้านายตัวเอง แสดงว่าคุณอาจต้องการสร้างธุรกิจแบบคนเดียวของคุณเองอยู่
ในคู่มือนี้ เราจะแนะนำคุณให้ทราบถึงประเภทของธุรกิจแบบคนเดียวที่ดีที่สุดทั้ง 12 ประเภท อธิบายว่าแต่ละประเภทมีการดำเนินการอย่างไร พร้อมกับแบ่งปันคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีการเริ่มต้น
แต่ก่อนที่เราจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เรามาสรุปพื้นฐานบางประการกันก่อน
เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคืออะไร
เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคือบุคคลที่เป็นทั้งเจ้าของและเป็นพนักงานเพียงคนเดียวของธุรกิจ
แม้ว่าเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวอาจจะเริ่มต้นบริษัทขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่พวกเขามักจะตั้งวัตถุประสงค์เพื่อขยายและขายธุรกิจในท้ายที่สุด เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเพียงแค่มองหาแหล่งรายได้ที่มั่นคงและความยืดหยุ่นในการเป็นเจ้านายตัวเองเท่านั้น
ในฐานะเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว คุณจะรับผิดชอบต่อการจัดระเบียบ การจัดการ และการยอมรับความเสี่ยงของธุรกิจของคุณโดยไม่มีความช่วยเหลือจากพันธมิตรเลย
ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถหาความช่วยเหลือเมื่อต้องการได้ แต่ปกติแล้วการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวหมายความว่าคุณมักจะต้องทำงานส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง
ธุรกิจแบบคนเดียวจะเหมาะสมกับคุณหรือไม่
รูปแบบธุรกิจแบบคนเดียวจะผสานความอิสระของการดำเนินธุรกิจของคุณเองเข้ากับความเรียบง่ายของการรับผิดชอบต่อตัวคุณเองเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าทำไมธุรกิจแบบคนเดียวจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
นี่คือข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางประการที่คุณจะได้รับในฐานะผู้ประกอบการเดี่ยว:
- การเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายต่ำ—ธุรกิจแบบคนเดียวมักจะไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อเริ่มต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบกับธุรกิจขนาดเล็กแบบดั้งเดิม
- มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพียงรายเดียวเท่านั้น —พนักงานจำนวนน้อยลงหมายถึงความซับซ้อนน้อยลง ต้นทุนการดำเนินการลดลง และเอกสารที่ต้องจัดการก็น้อยลงเช่นกัน
- ได้เป็นเจ้านายตัวเอง—คุณจะได้ควบคุมทิศทางและการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจของคุณทั้งหมดตามเวลาและข้อกำหนดของคุณเอง
- ได้เป็นเจ้าของ 100%—กล่าวคือคุณจะได้รับส่วนแบ่งกำไรต่างๆ ทั้งหมด
เมื่อคุณตั้งใจจะเริ่มต้นธุรกิจแบบเดี่ยว ขั้นตอนแรกในการทำให้ความทะเยอทะยานของคุณเป็นจริงคือการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจ
12 แนวคิดธุรกิจแบบคนเดียวที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเริ่มได้เลยวันนี้
ความงดงามของรูปแบบธุรกิจแบบคนเดียวคือคุณสามารถทำสิ่งที่อยากทำได้จริงๆ หากธุรกิจดังกล่าวสามารถเป็นธุรกิจที่พึ่งพาตนเองได้
ประเภทธุรกิจแบบคนเดียวนั้นมีอยู่มากมายหลายแบบ โดยมีจำนวนมากเกินที่จะกล่าวได้อย่างครอบคลุมทั้งหมดได้ในที่เดียว แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ น้อยๆ แก่คุณ เราได้รวบรวม 12 ธุรกิจแบบคนเดียวยอดนิยมที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ดังนี้
1. บล็อกเกอร์
บล็อกเกอร์จะเป็นผู้สร้างและเผยแพร่เนื้อหาการที่เป็นเขียนบนเว็บไซต์ส่วนตัวหรือแพลตฟอร์มการเผยแพร่ คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากยุคแรกๆ ของเวิลด์ไวด์เว็บและมาจากคำว่า “เว็บล็อก” ซึ่งภายหลังถูกย่อเป็น “บล็อก”
ให้คิดว่าบล็อกเกอร์คืออินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลมีเดียแบบดั้งเดิม พวกเขาคือผู้สร้างเนื้อหาและผู้นำทางความคิด แม้ว่าพวกเขาจะมีอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่กำลังหายไปแต่อย่างใด ที่จริงแล้ว บล็อกเกอร์ได้กำลังฟื้นตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปกติแล้วบล็อกเกอร์มักจะมีหัวข้อที่เลือกไว้สำหรับสร้างเนื้อหา เช่น แฟชั่น สูตรอาหาร หรือการออกแบบภายใน เป้าหมายของพวกคือการสร้างและเพิ่มจำนวนผู้ติดตามโดยการเผยแพร่โพสต์อย่างสม่ำเสมอ จากนั้นพวกเขาจะสร้างรายได้ด้วย “ลิงก์พันธมิตร” ที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งจะพาไปยังหน้าร้านที่เป็นพันธมิตร หรือสร้างรายได้ผ่านโฆษณาที่อยู่ในบล็อกเอง
ในการเริ่มต้นการเป็นบล็อกเกอร์ คุณจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้
- แนวคิดว่าบล็อกของคุณจะเกี่ยวกับอะไร—คุณมีความเชี่ยวชาญด้านใดบ้าง หรือมีเรื่องใดที่คุณหลงใหลเป็นพิเศษ ยิ่งบล็อกของคุณมีเอกลักษณ์และเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีความโดดเด่นจากบล็อกอื่นๆ มากเท่านั้น
- แพลตฟอร์มการเขียนบล็อก—แพลตฟอร์มนี้อาจเป็นเว็บไซต์แบบสแตนด์อโลนที่คุณดำเนินการเอง เป็นโปรไฟล์ในแพลตฟอร์มการเขียนบล็อกภายนอก เช่น Medium หรือ Blogger หรือจะเป็นอย่างอื่นโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้
- กลยุทธ์ด้านเนื้อหา—การมีแนวคิดให้กับบล็อกของคุณถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่การที่จะเติบโตได้นั้น คุณจะต้องคำนึงถึงกลยุทธ์ด้านเนื้อหาด้วย คุณจะเขียนเกี่ยวกับอะไร คุณจะมีวิธีการสร้างการเข้าชมอย่างไร คุณจะมีวิธีการสร้างรายได้อย่างไร และเมื่อใด
- ขั้นตอนการทำงานที่สร้างสรรค์—การที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับสิ่งเหล่านี้ คุณจะต้องมีขั้นตอนการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะทำงานได้ตามแผนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องมือการเขียน เช่น Dropbox Paper หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไฟล์เพื่อจัดเก็บแบบร่างของคุณให้เป็นระเบียบอยู่เสมอหรือไม่ Dropbox ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
2. ผู้สร้างเนื้อหา - วิดีโอและการทำพ็อดแคสต์
โดยเดินตามรอยของบล็อกเกอร์แบบดั้งเดิม ผู้สร้างเนื้อหาแบบมัลติมีเดียมีศักยภาพในการสร้างรายได้มหาศาล โดยต้องสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่มากพอที่จะกลายเป็น "ผู้มีอิทธิพล" ได้
ส่วนใหญ่แล้วผู้ประกอบการเดี่ยวเหล่านี้จะผลิตเนื้อหาสำหรับ YouTube แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram หรือแพลตฟอร์มพอดแคสต์ โดยมักจะหารายได้จากข้อตกลงการสนับสนุนแบรนด์ การตลาดแบบพันธมิตร และการสร้างรายได้จากเนื้อหาของตนผ่านการโฆษณาในแพลตฟอร์ม
ในการเริ่มต้นในสายงานนี้ คุณจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- อุปกรณ์การบันทึก—ไม่ว่าจะเป็นไมโครโฟนสำหรับการทำพ็อดแคสต์หรือกล้องวิดีโอคุณภาพสูงก็ตาม เพราะแม้ว่าคุณภาพการผลิตจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ผู้ชมใหม่ๆ รู้สึกว่าเนื้อหาของคุณมีความโดดเด่นได้
- โปรไฟล์ผู้สร้าง— โปรไฟล์บนแพลตฟอร์มที่คุณเลือกใช้คือวิธีที่คุณใช้ในการแสดงแบรนด์ของคุณต่อผู้ชมของคุณ การนำเสนอและความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นคุณควรใช้เวลาเพื่อพิจารณาว่าคุณต้องการเผยแพร่เนื้อหาโดยใช้ชื่อของคุณเอง บุคคลสมมติ หรือในนามอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง
- ซอฟต์แวร์ตัดต่อ ไม่มีใครทำได้สมบูรณ์แบบภายในครั้งเดียว คุณคงต้องการซอฟต์แวร์แก้ไขเพื่อให้เนื้อหาของคุณดูสวยงามและน่าสนใจมากที่สุด โชคดีที่คุณสามารถรับประโยชน์จากการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้ด้วยการผสานรวมกับแอป Dropbox ขณะทำงานในแอปแก้ไขที่คุณชื่นชอบ
- การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ — การทำงานกับวิดีโอและเสียง หมายถึงการทำงานกับไฟล์ดิบขนาดใหญ่ และบางครั้งคุณจำเป็นต้องถ่ายโอนไฟล์เหล่านี้ระหว่างเครื่อง ด้วย Dropbox Transfer คุณสามารถส่งไฟล์ได้สูงสุด 100 GB ต่อครั้งด้วยการเข้ารหัสที่ปลอดภัยเพื่อรักษาสินทรัพย์ของคุณให้ปลอดภัย
- ข้อเสนอแนะ— สำหรับเนื้อหาวิดีโอระดับมืออาชีพ การได้รับความคิดเห็นที่สองก่อนที่จะเผยแพร่เวอร์ชันสุดท้ายถือเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ตรวจสอบสามารถช่วยคุณปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้สมบูรณ์แบบได้ และด้วย Dropbox Replay คุณสามารถรับความคิดเห็นที่แม่นยำตามเฟรมจากผู้วิจารณ์ ซึ่งคุณสามารถดำเนินการตามนั้นได้ทันทีในเครื่องมือแก้ไขที่คุณเลือก
3. งานออกแบบกราฟิกและการถ่ายภาพ
นักออกแบบกราฟิกและช่างภาพมักจะทำงานเป็นผู้ทำอาชีพอิสระหรือเป็นผู้ทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียว โดยมีการให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ และบุคคลทั่วไป
ในกรณีของนักออกแบบกราฟิกนั้น แหล่งการทำธุรกิจของคุณหลักๆ แล้วจะมาจากธุรกิจอื่น ในขณะที่สำหรับช่างภาพ คุณอาจจะต้องสร้างรายได้จากการจ้างงานของธุรกิจต่างๆ รวมกัน รวมทั้งการจ้างงานที่เป็นส่วนตัวอื่นมากขึ้น เช่น การถ่ายภาพงานแต่งงาน
โดยสิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับเส้นทางอาชีพทั้งสองนั้นมีดังต่อไปนี้
- เลือกจุดโฟกัสในการถ่ายภาพ— การเลือกจุดโฟกัสที่สามารถโฆษณาได้โดยตรงอาจเป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น หากคุณจะโฆษณาตนเองว่าเป็นช่างภาพงานแต่งงานหรืองานกิจกรรม ธุรกิจของคุณก็จะเป็นที่สนใจต่อผู้คนที่มองหาบริการเหล่านั้นมากขึ้น
- ลงรายชื่อตัวเองในไดเร็กทอรีในฐานะนักออกแบบกราฟิกอิสระ — ลงรายชื่อตัวเองในแพลตฟอร์มอิสระเช่น Fiverr และ Upwork เพราะวิธีนี้จะทำให้ธุรกิจที่กำลังมองหาชุดทักษะที่คุณมีอยู่สามารถค้นพบคุณและขอใบเสนอราคาจากคุณได้ และคุณอาจต้องพิจารณาสร้างเว็บไซต์ระดับมืออาชีพที่มีพอร์ตโฟลิโอรวบรวมงานของคุณไว้ด้วย
- เตรียมเครื่องมือออกแบบที่คุณชื่นชอบไว้ให้พร้อมหากคุณกำลังคิดที่จะประกอบอาชีพด้านการออกแบบกราฟิก คุณอาจมีซอฟต์แวร์แก้ไขและประสบการณ์ใช้งานอยู่แล้ว ด้วยการผสานรวมแอป Dropbox คุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์นี้ต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียสละประโยชน์ของการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
- แชร์ผลงานของคุณอย่างปลอดภัย สำหรับช่างภาพมือใหม่ที่กำลังมองหาธุรกิจตามความหลงใหล Dropbox คือพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการจัดเก็บ แก้ไข และแบ่งปันผลงานของคุณ ด้วยการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ที่ปลอดภัย การใส่ลายน้ำ และการแชร์ไฟล์ที่มีตราสินค้า คุณสามารถสร้างความประทับใจอันยาวนานให้กับลูกค้าของคุณได้อย่างง่ายดาย
หากต้องการแรงบันดาลใจเพิ่มเติม ให้ดูคู่มือฉบับเต็มของเราเกี่ยวกับวิธีการเริ่มธุรกิจการถ่ายภาพ
4. การเขียนบทโฆษณา
หากคุณเป็นนักเขียนที่มีความมั่นใจแต่คิดว่าการสร้างบล็อกส่วนตัวนั้นไม่ใช่เส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเอง อาชีพเขียนคำโฆษณาอิสระอาจเป็นคำตอบได้
เช่นเดียวกับงานออกแบบกราฟิก แหล่งรายได้หลักของคุณจะมาจากการให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านงานเขียน ซึ่งตัวอย่างของงานเขียนนั้นอาจรวมถึงการเขียนบทความ คำโฆษณา หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์สำหรับเว็บไซต์ของลูกค้า
สิ่งที่นักเขียนอิสระควรพิจารณามีดังต่อไปนี้:
- ทำให้ตัวเองสามารถถูกค้นพบได้—ขั้นตอนแรกที่ดีก็คือการนำพาตัวเองเข้าไปยังแพลตฟอร์มผู้ทำอาชีพอิสระแล้วเริ่มสร้างรายชื่อลูกค้าขึ้นมา
- สร้างพอร์ตโฟลิโอ— รวบรวมตัวอย่างงานเขียนเพื่อแสดงขอบเขตงานของคุณ ปรับใช้ผลงานที่มีอยู่ใหม่หากคุณมี หรือแจกแจงงานให้ตัวเองและพยายามทำให้สำเร็จ พร้อมกับรับคำติชมจากคนอื่นและฟังคำติชมดังกล่าว เมื่อคุณพอใจแล้ว คุณสามารถเผยแพร่พอร์ตโฟลิโอของคุณเพื่อแสดงผลงานให้แก่เหล่าผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้
- กำหนดเวิร์กโฟลว์การเขียนต้นฉบับ เมื่อคุณมีงานเข้ามา Dropbox สามารถช่วยคุณจัดการเวิร์กโฟลว์เพื่อให้คุณจัดระเบียบและทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล Dropbox Paper คือบ้านสำหรับโครงการการเขียนทั้งหมดของคุณ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และฟีเจอร์การแชร์ไฟล์ที่ช่วยให้การส่งงานให้ลูกค้าและรวบรวมคำติชมเป็นเรื่องง่าย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในที่เดียว

5. การตัดแต่งขนสุนัขและการพาสุนัขไปเดินเล่น
ชอบทำงานกับสัตว์ใช่ไหม? เพลิดเพลินกับธรรมชาติกลางแจ้งหรือไม่? การดูแลสุนัขหรือการเดินสุนัขอาจเป็นธุรกิจที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ
ธุรกิจเดี่ยวเหล่านี้สร้างรายได้จากการสร้างฐานลูกค้าประจำที่จองแบบต่อเนื่องหรือเป็นระยะๆ นี่คือบางสิ่งที่คุณจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการเดี่ยว:
- รับการรับรอง— หากคุณกำลังคิดที่จะเลือกเส้นทางอาชีพผู้ประกอบการเดี่ยว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประสบการณ์กับสุนัขเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้ว่าคุณสมบัติจะไม่ใช่ข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับผู้ตัดแต่งขนสุนัข แต่คุณอาจจะต้องพิจารณาการเข้าเรียนรู้หลักสูตรการตัดแต่งขนและการจัดทรงด้วย เพื่อให้คุณสามารถทำให้ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้เกิดความสบายใจ สิ่งนี้ใช้ได้กับการเดินสุนัขด้วยเช่นกัน
- ขยายชุดความสามารถของคุณ—คุณไม่ใช่คนที่ชอบสุนัขใช่ไหม คุณอาจลองพิจารณาทำงานดูแลแมวได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นการให้บริการที่มีความต้องการสูงให้แก่เจ้าของแมวที่จำเป็นต้องออกจากบ้านเป็นเวลาสองสามวัน อันที่จริง แล้วจะหยุดเพียงแค่นี้ทำไม เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีตลาดของคนเลี้ยงเต่าและปลาที่ต้องการผู้ดูแลอยู่เช่นกัน!
- มีความเป็นระเบียบ—ยิ่งคุณสามารถกำหนดการจองในช่วงเวลาที่กำหนดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ส่งผลต่อคุณภาพของบริการได้มากเท่าใด ธุรกิจของคุณก็จะยิ่งทำกำไรได้มากเท่านั้น พูดง่ายๆ คือการจัดระเบียบนั้นสามารถทำเงินได้ โชคดีที่มีเครื่องมือจัดการการผลิตและโครงการในตัว Dropbox จึงทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนได้ง่ายกว่าที่เคย
6. การให้คำปรึกษา
คุณเคยมีอาชีพที่รุ่งโรจน์หรือเคยดำรงตำแหน่งทางวิชาการในสาขาเฉพาะหรือไม่ หากเคย งานที่ปรึกษาอาจจะเป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณา
ผู้ให้คำปรึกษาคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะ เช่น ธุรกิจ การตลาด หรือสาขาอื่นๆ ผู้ทำอาชีพนี้จะสร้างรายได้จากการมอบความรู้และความเชี่ยวชาญให้แก่ธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นการสนับสนุนโครงการโดยตรง การจัดงานสัมมนาและเวิร์กช็อปฝึกอบรมในนามของธุรกิจ หรือจะเป็นการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในเรื่องการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ แนวคิดเริ่มต้นสำหรับที่ปรึกษาอิสระไฟแรงที่ควรพิจารณามีดังต่อไปนี้
- เลือกเรื่องเฉพาะกลุ่มที่เหมาะกับทักษะและประสบการณ์ของคุณ—เนื่องจากลักษณะของที่ปรึกษาจำเป็นต้องมีประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในสาขานั้นๆ จะเป็นเรื่องที่ดีมากหากคุณเคยทำงานในอุตสาหกรรมหนึ่งเป็นเวลาสองสามปีมาก่อน
- รับการรับรอง - ขึ้นอยู่กับสาขาที่คุณเลือก คุณอาจมีการรับรองแล้ว นี่จะเป็นประโยชน์แน่นอนเมื่อคุณต้องการเริ่มต้นการให้คำปรึกษา ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการให้คำปรึกษาในด้านการบัญชีหรือกฎหมาย การมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อพูดคุยกับผู้มีอำนาจเกี่ยวกับหัวข้อเหล่านี้ได้นั้นจะเป็นสิ่งที่จำเป็น
- เลือกตลาดเป้าหมาย— พิจารณาถึงพื้นที่ที่คุณเชี่ยวชาญ ใครบ้างที่ต้องการความช่วยเหลือในพื้นที่นี้บ่อยๆ? ธุรกิจบางประเภทต้องดิ้นรนด้วยตัวเองหรือไม่ มีช่องว่างด้านราคาสำหรับธุรกิจที่ไม่สามารถใช้บริการจากบริษัทที่ปรึกษาที่มีค่าบริการแพงหรือไม่ พยายามระบุกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์จากบริการของคุณ
- สร้างเครือข่าย—เมื่อคุณได้ค้นคว้าหาข้อมูลของตลาดเรียบร้อยแล้ว ให้คำนึงถึงวิธีการที่คุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือก โซเชียลมีเดีย การโฆษณา และการเข้าถึงผ่านทางอีเมลอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเริ่มต้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้มีเครือข่ายรายชื่อผู้ติดต่อที่มีอยู่แล้วได้ แม้กระทั่งลูกค้ารายเก่าจากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเดิมของคุณอีกด้วย
- สร้างความประทับใจอันยาวนาน ในฐานะที่ปรึกษา คุณไม่ได้มุ่งเน้นแค่การส่งมอบงานที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วย Dropbox ช่วยทำให้สิ่งนี้ง่ายดายด้วยเวิร์กโฟลว์ที่ราบรื่นการแชร์ขั้นสูง และการถ่ายโอนไฟล์แบรนด์ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้คุณส่งมอบงานที่ยอดเยี่ยมตรงเวลาและด้วยความเป็นมืออาชีพของคุณเอง
7. เทรนเนอร์ส่วนตัว
คุณเกิดมาเพื่อออกกำลังกายใช่หรือไม่ ด้วยการฝึกอบรมเพิ่มเติมเล็กน้อย คุณสามารถเริ่มต้นอาชีพในการช่วยเหลือผู้อื่นในฐานะผู้ฝึกสอนส่วนตัวได้
ผู้ฝึกสอนส่วนตัวจะทำงานกับผู้คนเพื่อช่วยให้คนเหล่านั้นได้บรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพของพวกเขา ซึ่งตัวอย่างบางส่วนนั้นอาจเป็นการลดน้ำหนัก การสร้างความแข็งแกร่ง หรือการฝึกสำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น เช่น การวิ่งมาราธอน
หากคำอธิบายนี้ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น คุณควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- ได้รับการรับรอง—แม้ว่าการมีคุณสมบัติในการฝึกเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัวนั้นจะไม่ใช่ข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา แต่คุณจะรู้ว่าการหาลูกค้าหรือการได้รับการรับรองจากสถานที่ออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นให้เริ่มจากการค้นหาและดำเนินการให้ได้ใบรับรองที่เหมาะสม
- หาที่ปรึกษา— หากคุณจริงจังกับอาชีพนักกายภาพบำบัด ลองพิจารณาหาที่ปรึกษาดูสิ ในการดำเนินธุรกิจแบบเดี่ยว มักจะได้รับการฝึกอบรมจากเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์เพื่อเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจ
- คำนึงถึงวิธีที่ลูกค้าจะค้นพบคุณได้—หากคุณได้รับการรับรองจากสถานที่ออกกำลังกายท้องถิ่นให้สามารถทำงานในสถานที่ดังกล่าวได้แล้ว พวกเขามักจะรู้สึกยินดีที่จะแสดงข้อมูลของคุณภายในสถานที่ออกกำลังกาย นอกจากนี้ ลองพิจารณาตั้งค่าเพจสำหรับธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและลงรายชื่อธุรกิจในพื้นที่บน Google คุณอาจต้องการพิจารณาการโฆษณาด้วย
- ทำให้ลูกค้าของคุณสามารถติดตามแผนการออกกำลังกายของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย—เมื่อคุณพร้อมดำเนินการแล้ว คุณจะต้องจัดตารางเวลาของช่วงการฝึกที่มีความพร้อมแล้วยึดตามตารางนั้น คุณอาจต้องการรวบรวมบันทึกโดยละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้คุณสามารถติดตามเป้าหมายของพวกเขาได้
ด้วย Dropbox Paper คุณสามารถกำหนดตารางเวลาและสร้างรายงานเพื่อแบ่งปันกับลูกค้าของคุณได้ คุณยังสามารถสร้างแผนการออกกำลังกายและโภชนาการและแชร์แผนดังกล่าวด้วยการป้องกันด้วยรหัสผ่าน ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถบันทึกความคืบหน้าในแต่ละวันได้อย่างเป็นความลับ
8. นักพัฒนาเว็บ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือนักพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
หากคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีทักษะ คุณสามารถให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ ในฐานะนักพัฒนาอิสระได้
ซึ่งจะปฏิบัติตามรูปแบบธุรกิจที่คล้ายกับประเภทธุรกิจอิสระอื่น ๆ เช่น การออกแบบกราฟิกและการเขียนบทความโฆษณา ความแตกต่างหลักๆ คือคุณจะได้ให้บริการเขียนโปรแกรมในภาษาโปรแกรมที่คุณเคยมีประสบการณ์
โดยเคล็ดลับที่ควรพิจารณามีดังต่อไปนี้
- เริ่มต้นด้วยประสบการณ์และชุดทักษะ—แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง แต่การเริ่มต้นด้วยสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญมากที่สุดก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ธุรกิจที่กำลังมองหานักพัฒนา React จะเลือกผู้ทำอาชีพอิสระที่โฆษณาตัวเองในลักษณะนี้มากกว่าการลงรายชื่อว่าเป็น “นักพัฒนาที่มีประสบการณ์” แบบทั่วๆ ไป
- ตั้งค่าตัวเองในไดเร็กทอรีฟรีแลนซ์— เช่นเดียวกับหมวดหมู่ฟรีแลนซ์อื่น ๆ ตั้งค่าตัวเองในไดเร็กทอรีฟรีแลนซ์ยอดนิยม เช่น Upwork และ Fiverr
- จัดระเบียบ - ลองตั้งค่าพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เพื่อเก็บงานทั้งหมดของคุณไว้ในที่เดียวและทำให้แชร์ไฟล์ได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณต้องการ มีแนวโน้มว่าคุณจะทำงานกับ GitHub และไดเร็กทอรีอื่นๆ ที่ลูกค้าของคุณจัดเตรียมไว้ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงใบแจ้งหนี้และการวางแผนโครงการของคุณ คุณสามารถจัดเก็บและแชร์ข้อมูลเหล่านั้นอย่างปลอดภัยด้วยบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์
9. ผู้ช่วยเสมือนจริง
มีธุรกิจและผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับสายเรียกเข้าและการจัดการบันทึกประจำวัน แต่ไม่สามารถจ้างคนเข้ามาทำงานแบบเต็มเวลาได้
หากคุณมีทักษะด้านการจัดระเบียบและการจัดการโครงการอยู่ การทำธุรกิจแบบเดี่ยวที่เป็นการให้บริการผู้ช่วยเสมือนนั้นอาจมีความเหมาะสมกับคุณ
ผู้ช่วยเสมือนจะให้บริการทุกอย่างที่ผู้ช่วยในสำนักงานมักจะทำในขณะที่ดำเนินการจากระยะไกลอยู่ในบ้านของตัวเอง ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น การจัดการไฟล์ งานดูแลระบบ การจัดการประชุม และการรับสายโทรศัพท์
หากงานนี้ฟังดูเหมือนความฝัน ให้คุณพิจารณาแนวคิดเริ่มต้นเหล่านี้
- พัฒนาทักษะของคุณ– มั่นใจว่าคุณมีความมั่นใจในการจองนัดหมาย การจัดเตรียมการเดินทาง จัดการปฏิทิน การส่งอีเมล และการจัดการโซเชียลมีเดีย หากต้องการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเอง การเข้าร่วมหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อชุดทักษะเหล่านี้อาจช่วยได้
- แสดงทักษะของคุณ—คุณอาจต้องสร้างเว็บไซต์ที่มีพอร์ตโฟลิโอรวบรวมทักษะของคุณไว้ คำรับรองจากลูกค้ารายเก่า และรายละเอียดเกี่ยวกับบริการของคุณ
- ติดตั้งเครื่องมือการจัดการและจัดระเบียบโครงการที่ดีที่สุดด้วย Dropbox Paper และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ คุณสามารถช่วยให้ลูกค้าของคุณปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ใหม่และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
10. ผู้วางแผนกิจกรรม
คุณอยากจัดงานเลี้ยงที่ดีที่สุดหรือไม่ เมื่อคุณเห็นเพื่อนกำลังตะเกียกตะกายพยายามวางแผนการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ครั้งต่อไปของพวกเขาแล้ว คุณมักจะต้องเข้าไปช่วยทำให้เสร็จอยู่บ่อยครั้งหรือไม่
การทำอาชีพเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเป็นนักวางแผนกิจกรรมอาจเป็นสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้
นักวางแผนกิจกรรมจะมีความเชี่ยวชาญในด้านการวางแผนกิจกรรม ซึ่งตัวอย่างนักวางแผนกิจกรรมบางส่วนนั้น ได้แก่ นักวางแผนงานแต่งงาน ผู้จัดงานเทศกาล หรือนักวางแผนงานเลี้ยง พวกเขาจะเป็นผู้จัดการโครงการที่มีทักษะซึ่งโดยปกติแล้วจะสร้างรายได้จากการให้บริการวางแผนกิจกรรมแก่กลุ่มที่ต้องการจัดงานนั่นเอง
เคล็ดลับบางประการสำหรับผู้ที่ต้องการมุ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมที่น่าสนใจนี้มีดังต่อไปนี้
- มีคุณสมบัติ—การวางแผนและการจัดการกิจกรรมจะมีความซับซ้อนมากกว่าที่เห็นในระดับผิวเผินมาก แต่ก็มีหลักสูตรเฉพาะทางอยู่มากมายที่จะช่วยให้คุณก้าวทันความซับซ้อน ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมีความพร้อมมากขึ้นได้
- มีประสบการณ์—แน่นอนว่าผู้คนจะต้องอยากรู้ว่าพวกเขาจะสามารถไว้วางใจคุณในการวางแผนและการจัดการงานได้ หากคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานอย่างเป็นทางการในหมวดหมู่นี้ ให้ลองคำนึงถึงวิธีที่คุณจะสามารถให้บริการวางแผนงานต่างๆ แก่เพื่อนและครอบครัวได้โดยไม่คิดค่าบริการ หรือแม้แต่ลองพิจารณาจัดงานเองในชุมชนท้องถิ่นของคุณเพื่อเรียนรู้ถึงลักษณะของงาน
- มีความเป็นระเบียบ ด้วยองค์ประกอบมากมาย การจัดการทุกอย่างล่วงหน้าหนึ่งก้าวอยู่เสมอก็ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ จึงเป็นเหตุผลที่เครื่องมือการจัดการโปรเจ็กต์ของ Dropbox มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนักวางแผนกิจกรรมมือใหม่ทุกคน
- สร้างสรรค์และสร้างความฮือฮาให้แก่ลูกค้าของคุณ — การวางแผนกิจกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดการโครงการเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับการรับฟังความคิดของลูกค้าและนำมาทำให้เป็นจริงโดยไม่เกินงบประมาณอีกด้วย มู้ดบอร์ดและตัวอย่างภาพเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการชนะใจลูกค้าในช่วงสนทนาเบื้องต้น Dropbox Paper เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับวางรูปภาพ วิดีโอ GIF และเสียงต่างๆ รวมไปถึงไทม์ไลน์โดยละเอียดสำหรับข้อเสนอของคุณ
11. ช่างฝีมือ นักออกแบบงานฝีมือ หรือผู้ขายใน Etsy
คุณชอบสร้างสรรค์สิ่งต่างๆหรือไม่? หากงานของคุณดีมากพอที่จะสามารถขายได้ ทำไมไม่ทำให้งานของคุณเป็นธุรกิจไปเลยล่ะ
ไม่ว่าคุณจะมีทักษะในด้านงานฝีมือการทำเครื่องประดับ งานไม้ งานถัก งานศิลปะ หรืองานอื่นๆ ก็ตาม อาจมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่ก็เป็นได้ วิธีที่เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวใช้ดำเนินการธุรกิจด้านงานฝีมือที่พบเห็นได้มากที่สุดวิธีหนึ่งคือดำเนินการผ่าน Etsy ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่มีไว้เพื่อให้ช่างฝีมือและนักออกแบบอิสระได้ขายผลิตภัณฑ์ของตน
หากคุณอยากลองทำให้งานอดิเรกการทำงานฝีมือของคุณกลายเป็นเงิน ให้พิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้
- เลือกงานฝีมือของคุณ—ให้ลองคำนึงถึงชุดทักษะของคุณและสิ่งที่ผู้คนอาจจะยินดีที่จะซื้อ หากคุณเป็นศิลปินหรือนักออกแบบกราฟิก คุณอาจต้องขายงานภาพพิมพ์หรือทำการออกแบบบัตรอวยพรวันเกิดแบบสั่งทำได้ และหากคุณทำงานกับไม้ คุณอาจต้องเชี่ยวชาญในการสร้างเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษมากกว่า การดูว่าปัจจุบันใน Etsy มีอะไรอยู่บ้าง แล้วนำข้อมูลส่วนนี้มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ หรือนำมาระบุช่องว่างในตลาดนั้นก็อาจเป็นประโยชน์ได้
- สร้างโปรไฟล์ผู้ขายของคุณ—เมื่อคุณมีตลาดเป้าหมายชัดเจนแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะได้เตรียมความพร้อมธุรกิจของคุณ วิธีที่จะทำได้ง่ายที่สุดคือการสร้างบัญชีผู้ขายบน Etsy ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการค้นหาธุรกิจของคุณ รับคำสั่งซื้อของลูกค้า และดำเนินการด้านการเงิน การตั้งค่าร้านค้านั้นฟรี แต่คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 0.20 ดอลลาร์ต่อสินค้าที่คุณลงรายการบน Etsy เป็นเวลาสี่เดือน อีกวิธีหนึ่งคือคุณสามารถตั้งค่าเว็บไซต์ของคุณเองหรือรับคำสั่งซื้อผ่านโซเชียลมีเดียได้
- สร้างความประทับใจที่ดี—พิจารณาจ้างช่างภาพมืออาชีพให้มาถ่ายภาพงานออกแบบของคุณให้ออกมาดูดีที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้ใช้เวลาคิดชื่อและการสร้างแบรนด์ของหน้าร้านของคุณได้อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสื่อความไปยังผู้ที่อาจเป็นลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
- คำนึงถึงการจัดส่งสินค้า—คุณจะมีวิธีการอย่างไรในการส่งสินค้าของคุณให้แก่ลูกค้า หากคุณขายโต๊ะ ความต้องการด้านการจัดสินค้าส่งของคุณจะแตกต่างจากการส่งบัตรอวยพรแบบสั่งทำเป็นอย่างมาก คุณอาจต้องพิจารณาด้วยว่าคุณเต็มใจที่จะจัดส่งไปยังที่ใดในโลก และกฎหมายศุลกากรจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือไม่
- เก็บบันทึกทางการเงินอย่างดี—งานของคุณจะไม่ใช่เพียงแค่งานอดิเรกอีกต่อไป แต่กลายเป็นธุรกิจไปแล้ว และงานนี้จะสร้างรายได้ในระยะยาวได้หากคุณสามารถควบคุมการทำบัญชีได้อยู่ตลอด บันทึกดังกล่าวจะไม่เพียงช่วยให้คุณได้ติดตามข้อมูลด้านกฎหมายหรือด้านภาษีที่คุณอาจต้องใช้ในอนาคตเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจของคุณเพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรสูงสุดได้อีกด้วย
Dropbox ช่วยให้จัดเก็บและจัดระเบียบสำเนาดิจิทัลของบันทึกทางการเงินของคุณได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ คุณยังสามารถสำรองข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสำเนาไว้เก็บรักษาอย่างปลอดภัยเสมอ
12. ผู้ส่งแบบดรอปชิป
ต่อจากหัวข้อการขายออนไลน์แบบมีผู้ขายคนเดียวนั้น ได้มีผู้ขายประเภทใหม่เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็คือผู้ขายดรอปชิปนั่นเอง
การดรอปชิปคืออะไร การดรอปชิปเป็นแนวทางใหม่ในการทำอีคอมเมิร์ซ โดยผู้ขายจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้าโดยไม่ต้องมีสินค้าเหล่านั้นเก็บไว้ในสต็อกโดยตรง ซึ่งเปรียบเสมือนการดูแลจัดสรรรายการสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อจากหน้าร้านของคุณได้
เมื่อลูกค้าดำเนินการคำสั่งซื้อเสร็จสิ้น ร้านค้าของคุณจะส่งคำขอสั่งซื้อสินค้าไปยังซัพพลายเออร์ขายส่งของผลิตภัณฑ์โดยอัตโนมัติ จากนั้นซัพพลายเออร์จะเตรียมคำสั่งซื้อของลูกค้าของคุณแล้วส่งสินค้าดังกล่าวให้กับลูกค้า
ในฐานะผู้ขายดรอปชิปนั้น คุณจะมีบทบาทเป็นผู้สร้างเทรนด์และคุณค่าที่คุณมีต่อลูกค้านั้นจะมาจากการจัดหาและแนะนำผลิตภัณฑ์
หากฟังแล้วดูเหมือนเป็นสิ่งที่คุณจะชอบ คุณควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- เลือกสิ่งที่มีความเฉพาะกลุ่มของคุณ—แม้ว่าจะไม่ได้สำคัญ แต่ก็สามารถช่วยให้คุณเลือกหมวดหมู่เฉพาะที่คุณอยากมีความเชี่ยวชาญได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีสายตาที่ดีในด้านการออกแบบ คุณสามารถเน้นไปที่การออกแบบภายในและเฟอร์นิเจอร์ได้ หรือหากคุณมีใจรักในการเลี้ยงลูก คุณอาจต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับพ่อแม่มือใหม่และลูกน้อยของพวกเขา
- หาซัพพลายเออร์ของคุณ—นอกเหนือจากตัวคุณที่เป็นผู้ขายดรอปชิปแล้ว ฝ่ายสำคัญอื่นๆ ในกระบวนการคือผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ คุณจะต้องหาซัพพลายเออร์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากนั้นจะทำงานร่วมกับผู้ผลิตเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และเก็บสต็อกไว้เพื่อส่งให้กับลูกค้าของคุณ คุณสามารถหาซัพพลายเออร์ผ่านฐานข้อมูลซัพพลายเออร์ เช่น Alibaba และ AliExpress หรือผ่านทางไดเร็กทอรี่ซัพพลายเออร์แบบผสานการทำงาน เช่น DSers ที่อยู่ในส่วนหลังบ้านของร้านค้าของคุณ
- สร้างร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณ—คุณจะต้องมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อใช้จัดการคำสั่งซื้อของคุณและแสดงผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ของคุณเอง หรือทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopify ก็ได้ และอย่าลืมใช้เวลาในการสร้างรูปลักษณ์ของหน้าร้านของคุณให้เหมาะสม เพราะความประทับใจแรกอาจมีความสำคัญต่อการปิดการขายได้
- จัดระเบียบการเงินของคุณ—เมื่อธุรกิจการดรอปชิปของคุณพร้อมดำเนินการแล้ว คุณจะต้องมีระบบการเงินที่เป็นระเบียบด้วย ตามหลักการแล้ว คุณจะต้องมีบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธุรกิจไว้สำหรับฝากรายได้ทั้งหมดและถอนค่าใช้จ่ายทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ คุณจะมีเพียงบัญชีเดี๋ยวที่ต้องตรวจสอบเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการบัญชีต่างๆ
นอกจากนี้คุณยังจะต้องคำนึงถึงภาษีการขายด้วยหากคุณอยู่ในรัฐที่มีการเก็บภาษีการขายและลูกค้าได้สั่งซื้อจากรัฐของคุณ ด้วยบันทึกทางการเงินที่มีอยู่มากมาย การใช้บริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ที่ปลอดภัยและโซลูชันการจัดการบันทึกอย่าง Dropbox เพื่อเก็บทุกอย่างไว้ให้ปลอดภัยในที่เดียวก็จะเป็นประโยชน์ได้
ด้วย Dropbox คุณจะไม่จำเป็นต้องลุยเดี่ยวทั้งหมด
การเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เพลิดเพลินไปกับอิสระที่มาพร้อมกับการดำเนินธุรกิจของตัวเอง และขั้นตอนแรกก็คือการตัดสินใจเลือกแนวคิดทางธุรกิจนั่นเอง
เมื่อเลือกแนวคิดเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามองหาความช่วยเหลือต่างๆ ไม่ใช่พนักงานแต่เป็นชุดเครื่องมือและคุณสมบัติของ Dropbox แต่ละอย่างจะช่วยให้คุณใช้เวลาน้อยลงในการจัดระเบียบ และมีเวลามากขึ้นในการส่งมอบข้อมูลให้แก่ลูกค้าของคุณ
Dropbox ถูกออกแบบมาทำให้วันทำงานของคุณมีการทำงานร่วมกันให้มากที่สุด การแชร์ไฟล์และการจัดเก็บบนคลาวด์ที่เรียบง่ายและปลอดภัยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่คุณจะเริ่มทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ในระยะทางไกล หรือรับคำติชมและคำอธิบายประกอบแบบสดเกี่ยวกับโปรเจ็กต์วิดีโอล่าสุดของคุณ คุณยังสามารถตั้งค่าการสำรองข้อมูลบนคลาวด์อัตโนมัติของคอมพิวเตอร์ของคุณได้ด้วย เผื่อในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นและคุณจำเป็นต้องกู้คืนไฟล์ในภายหลัง
ไม่ว่าคุณจะทำงานคนเดียวในโครงการหรืออยากเชิญลูกค้าให้เข้ามาในพื้นที่บางแห่งเพื่อให้ข้อคิดเห็นในงานที่คุณได้ส่งมอบไปแล้ว Dropbox ก็มีคุณสมบัติที่ช่วยได้